Film Review: The Destruction of Memory (2017)

เรื่อง: ดร.สุปรียา หวังพัชรพล
ภาพ: destruction of memory film

The Destruction of Memory ภาพยนตร์สารคดีสร้างจากหนังสือในชื่อเดียวกัน The Destruction of Memory- Architecture at War (2007) เขียนโดยนักวิจารณ์สถาปัตยกรรม Robert Bevan ซึ่งเป็นเสมือนงานวิจัยที่ดึงเอาภาพจากเหตุการณ์สงครามต่างๆ ในพื้นที่ต่างๆ ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดยเฉพาะในช่วงศตวรรษที่ 20 และช่วงต้นปี 2000 ผ่านความขัดแย้งในพื้นที่ตะวันออกกลางและยุโรปเป็นหลัก เพื่อแสดงให้เห็นว่าสถาปัตยกรรม สถานที่สำคัญ และสิ่งประดิษฐ์ทางวัฒนธรรมอื่นๆ เป็นเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของยุทธวิธีสงครามที่นอกจากจะทำลายชีวิตผู้คนแล้วนั้น ยังเป็นเจตนาในการพยายามทำลายรากทางวัฒนธรรมและลบเลือนอัตลักษณ์ของชนชาตินั้นๆ ให้หายไปอีกด้วย


ผู้กำกับ Tim Slade ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านการนำเสนอรูปถ่าย จดหมายเหตุ และวิดีโอสำคัญๆ ของเหตุการณ์ในสงคราม บทสัมภาษณ์กับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญในเวทีระหว่างประเทศ ทนายความ นักอนุรักษ์ นักประวัติศาสตร์ นักการเมือง รวมถึงสถาปนิกเชื้อสายโปแลนด์อย่าง Daniel Lisbeskind ที่ออกแบบพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับสงครามและการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ชาวยิวในหลายแห่งทั่วโลก ซึ่งเขาเองมีประสบการณ์ส่วนตัวในวัยเด็กที่เผชิญกับซากปรักหักพังของวัฒนธรรมในโปแลนด์ และเขาคำนึงถึงความสำคัญของการสร้างความสมดุลระหว่างการรำลึกถึง การจดจำ การลืมและการก้าวต่อไปในอนาคต สะท้อนผ่านการออกแบบผลงานสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงหลายแห่งของเขา รวมถึง Ground Zero ในนิวยอร์ก


นอกจากนี้เนื้อหาส่วนหนึ่งในภาพยนตร์สารคดียังพยายามเล่าถึงการเมืองในการร่างอนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างอนุสัญญาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (Genocide Convention) โดยสหประชาชาติ ที่ครั้งหนึ่ง Raphael Lemkin นักกฎหมายชาวยิวโปแลนด์พยายามต่อสู้มาตั้งแต่ปี 1933 ให้มีการระบุว่าการทำลายทรัพย์สินทางวัฒนธรรม (Cultural Genocide) เป็นหนึ่งในอาชญากรรมทางสงครามนอกเหนือจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในด้านการทำลายร่างกาย (Physical Genocide) และทางชีวภาพ (Biological Genocide) เท่านั้น เพราะเขาเชื่อว่าแต่ละประเทศต่างมีอัตลักษณ์วัฒนธรรมของตนเอง การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ทางร่างกายและชีวภาพมักจะเกิดขึ้นตามหลังการฆ่าล้างทางวัฒนธรรมหรือการทำลายสัญลักษณ์ของกลุ่มชนนั้นเสมอ ซึ่งหลายๆเรื่องราวและหลักฐานการสืบสวนที่ปรากฏในภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ช่วยสนับสนุนแนวคิดดังกล่าวได้ชัดเจน แต่ก็ไม่เคยมีการปรับปรุงอนุสัญญานี้ตามข้อเสนอของ Lemkin อย่างแท้จริง ทำให้กฎหมายเองยังช่วยปกป้องข้ออ้างทางยุทธวิธีทางทหารนี้ได้เรื่อยมา


การดำเนินเรื่องราวของภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ค่อนข้างเข้มข้น หนักหน่วงทางอารมณ์ ด้วยเนื้อหาสาระทางวิชาการ บวกกับดนตรีประกอบ ภาพเหตุการณ์สงคราม และการเล่าเรื่องความสูญเสียของเหยื่อในบางเหตุการณ์ แต่ผู้กำกับ Tim Slade พยายามจุดประกายแห่งความหวังบางอย่างนอกจากความสิ้นหวังภายหลังจากสงคราม อย่างเช่น การร่วมกันฟื้นฟูเมืองหรือสถาปัตยกรรมขึ้นใหม่โดยคนในพื้นที่ผ่านการร่วมระดมทุนจากผู้คนหลากหลาย หรือการพยายามใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการช่วยสร้างบันทึกหลักฐานทางวัฒนธรรมไว้ หรือความพยายามปรับปรุงข้อกฎหมายจากผู้ที่เกี่ยวข้องและทำงานด้านการปกป้องมรดกวัฒนธรรม


จึงนับว่า The Destruction of Memory เป็นภาพยนตร์สารคดีที่น่าติดตามเรื่องหนึ่งของยุคสมัย สมกับที่กวาดรางวัลมาแล้วกว่า 4 รางวัลจากหลายเวทีทั่วโลก อีกทั้งยังแสดงถึงพลังของสถาปัตยกรรมและสถานที่ นอกเหนือจากในฐานะการสร้างสรรค์แต่ยังรวมถึงการทำลายทั้งความทรงจำและอัตลักษณ์ของมนุษยชาติได้อย่างชัดเจน

The Destruction of Memory
ผู้กำกับ Tim Slade
โดย Icarus Films
ระยะเวลาฉาย 85 นาที

Pin It on Pinterest

Shares
Share This