พื้นที่ศิลปะในโลกสาธารณะของ Alex Face

“ผมรักและผูกพันกับงานศิลปะมาตั้งแต่เด็กๆ อยากเป็นศิลปินจึงเลือกเรียนศิลปะพอได้มาเจอกับวัฒนธรรมของ กลุ่มวัยรุ่นคือ เพื่อนๆ ที่ชอบเล่นสเก็ตบอร์ด ทําให้รู้จักกับศิลปะกราฟฟิติ้ผ่านหนังสือสเกต็บอร์ด ผมสนใจในลวดลาย กราฟิก ฟ้อนต์ และตัวการ์ตูนคาแรกเตอร์ที่มันสะดุดตา เริ่มซื้อหนังสือมาดู มาศึกษา แล้วผมก็เริ่มสร้าง Tag หรือชื่อสร้างฟ้อนต์ในรูปแบบของตัวเองเหมือนเป็นการประกาศตัวตน ครั้งแรกที่พ่นกราฟฟิตี้ก็พ่นซากรถที่ลาดกระบังนั่นแหละนั่นคือกราฟฟิตี้ยุคแรกของผม”

Alex Face หรือ พัชรพล แตงรื่น บอกเล่าถึงจุดเริ่มต้นของการทำงานสตรีตอาร์ต ก่อนจะมาเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดคนหนึ่งในเวลานี้ หลายปีในการทำงานกว่าจะสร้างคาแรกเตอร์ที่คนทั่วไปคุ้นตาและสร้างการจดจำไปทุกหนทุกแห่งในลวดลายกราฟฟิตี้ตุ๊กตาเด็กก็หน้าบึ้งในชุดขนสัตว์ ที่ชื่อ “มาร์ดี”

อยากให้เล่าถึง มาร์ดี

“มาร์ดี ลูกสาวของผมเกิดมาในช่วงที่ผมเบื่อการพ่นหน้าตัวเองและอยากเปลี่ยนงานพอดี ผมมองหน้าเขาแล้วก็เกิดไอเดีย หันมาสร้างคาแรกเตอร์มาร์ดีเด็กหน้าบึ้งในชุดขนสัตว์ ซึ่งเด็กก็มีความหมายถึงความไร้เดียงสา ชุดขนสัตว์ก็เปรียบเสมือนเกราะที่มาปกป้องโอบอุ้มตัวเขาอีกที  ช่วงหลังผมเน้นชุดกระต่ายคือ ผมเสพข่าวมีแต่ข่าวที่เด็กถูกกระทำถูกทำร้าย ตกเป็นเหยื่อต่างๆ นานา สัตว์ที่แสดงความรู้สึกถึงการเป็นเหยื่อได้ดีที่สุดผมว่าคือกระต่าย ส่วนตาที่3ก็เหมือนตาที่คอยเฝ้าระวังสถานการณ์ต่างๆในการสร้างผลงาน แต่ละที่ผมจะพยายามเชื่อมโยงและสะท้อนเรื่องราวกับบริบทของพื้นที่นั้นๆให้มันมีเนื้อหาเรื่องราวที่สะท้อนเอกลักษณ์ของพื้นที่หรือท้องถิ่นน้ันๆนี่คือแนวคิดในการสร้างผลงานของผม

งานกราฟฟิตี้มันเปรียบเสมือนแกลเลอรี่แสดงงานศิลปะข้างถนนเพราะวัฒนธรรมของคนไทยเราไม่คุ้นเคยกับการตั้งใจไปชมงานศิลปะอย่างจริงจังในแกลเลอรี่ ผมอยากเอางานของผมมาให้คนทั่วไปได้ชมเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจําวันผมจึงอยากสร้างผลงานออกมาให้สวยงามและ มีคุณค่า”

ประสบการณ์การทำงานช่วงแรกๆ

“บ้านเรามีตึกร้างเยอะมาก ตึกร้างเป็นที่ที่ให้เราไปพ่นอวดฝีมือหรือสร้างตัวตนได้เราก็จะแอบเข้าไปพ่นกัน ผมเคยไปพ่นแล้วอยู่ดีๆมีก้อนหินลอยมาตอนแรกก็ไม่สนใจสักพักเริ่มเยอะขึ้นแล้วก็มีคนถือมีดมาเคาะๆ กำแพง พูดว่า’ขอโทษนะครับ นี่กําแพงคุณหรือ’ เป็นนักเลงที่พูดเพราะที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอ แต่มีดยาวมากครับ (หัวเราะ) ผมเพิ่ง มารู้ทีหลังว่าจุดที่ไปพ่นน่ะ เขาซื้อขายยาเสพติดกัน เขาก็กลัวว่าผมไปพ่นแล้วจะเป็นจุดเด่นเกินไป การพ่นสีในบ้านเรามีเรื่องให้เซอร์ไพรส์ตลอด บางทีก็โดนด่าบางทีก็บอกให้พ่นตอ่ให้สวยๆมีเยอะครับ”

วิธีคิดในการพัฒนาผลงาน

“กราฟฟิตี้มันสนุก เร็ว ใช้เวลาน้อย เลยออกพ่นทั้งกลางวัน กลางคืน พอพ่นเสร็จก็ทำสติ๊กเกอร์หน้าตัวเองแปะไว้แต่เสียงตอบรับในตอนนั้นค่อนข้างแย่นะ เพราะมันมั่วซั่วไปหมด ไม่มีคอนเซ็ปต์ อยากวาดอะไรก็วาดด้วยความคึกคะนองแถมการพ่นแต่ละครั้งก็เสี่ยงต่อชีวิตมาก เราต้องมีคอนเซ็ปต์ต้องมีวิธีคิด ทำไมไม่จริงจังไปเลยล่ะ ก็เลยตัดสินใจเปลี่ยนตัวเอง เปลี่ยนวิธีการทํางานใหม่ เริ่มจากงานอาร์ตนี่แหละ จะพ่นที่ไหนก็ไปขอพื้นที่    เจ้าของเขาก่อน ถ้าเขาอยากให้พ่นก็ค่อยทำ เราจะได้ทำงานได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมาด่าหรือเปล่าทำให้ดีและสร้างมูลค่าให้กับงานกราฟฟิตี้ี้ด้วย เหมือนแกลเลอรี่ข้างถนน งานศิลปะบางงานแทบจะต้องกราบกรานให้คนเข้าไปดู ไม่มีใครยอมเข้าไปดูงานศิลปะถึงคุณจะทําดีแค่ไหนก็ไม่มีใครเห็นศิลปะแบบนี้มันไม่มีประโยชน์ ผมเลยตัดสินใจออกไปพ่นข้างนอกเพราะยังไง ก็ต้องมีคนเห็นจะชอบหรือไม่ชอบก็ไม่เป็นไร แล้วผมจะทําให้เขาชอบให้ได้

ก้าวไปสู่การยอมรับจากวงการกราฟฟิตี้ในต่างประเทศ

“เรามีอินเทอร์เน็ตที่ใครๆก็สามารถคุยกันได้เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์กราฟฟิตี้มีทุกประเทศทั่วโลกนะครับ มีทั้งที่เขามาพ่นสีที่เมืองไทยและเราไปพ่นสีที่เมืองเขา บางคนกลายมาเป็นเพื่อนสนิทผมไปมาหลายประเทศอย่างพม่า เกาหลี อินโดนีเซีย ไต้หวัน ญี่ปุ่น นอร์เวย์ เดนมารก์ รัฐบาลบางประเทศอยากให้มีพื้นที่งานศิลปะ เขาก็ชวนกราฟฟิตี้มาทํางานศิลปะด้วยกัน ถ้ามีโอกาสผมจะไป เพราะมันทำให้เราได้เห็นบริบทที่แตกต่างกันไปในแต่ละเมือง”

ปัจจุบัน Alex Face เป็นศิลปินสตรีตอาร์ตระดับท็อปของไทย มีผลงานให้เห็นในหลายๆประเทศเกือบทั่วโลกนอกจากศิลปะบนกําแพงแล้ว เรายังจะได้เห็นนิทรรศการศิลปะของเขาในแกลเลอรี่ต่างๆ ซึ่งเป็นความตั้งใจของ ศิลปินที่ต้องการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะด้านไฟน์อาร์ต ไม่ว่าจะเป็นผลงานจิตรกรรมหรืองานประติมากรรมในรูปแบบ ที่เขาถนัดควบคู่ไปกับการสร้างงานศิลปะแนวสตรีตอาร์ต บนท้องถนนควบคู่กันไปด้วย

Pin It on Pinterest

Shares
Share This